วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

ทักษะการจัดการ (งานที่ 7)


1.ทักษะการจัดการ
  ทักษะการจัดการ หมายถึง ความสามารถของบุคคลหนึ่งที่สามารถจะจัดระบบงาน และระบบตนให้ทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนงานการจัดองค์กร การจัดหาคน การแบ่งหน้าที่ปฏิบัติงาน การควบคุมการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามที่กำหนด ไปจนถึงการติดตามและประเมินผล ทักษะการจัดการแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
(1) การจัดการระบบงาน  (การทำงานเดี่ยว) โดยสามารถจัดสรรเวลาการทำงานให้เป็นระบบ ปฏิบัติงานตามกฎระเบียบแบบแผน และขั้นตอนต่างๆ รวมไปถึงการเป็นผู้ที่มองทางไกล ฉลาด มีไหวพริบ รอบรู้ ทันคน ทันเหตุการณ์ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และความกระตือรือร้นในการแสวงหาข้อเท็จจริง มีความมุมานะที่จะปฏิบัติงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่อยู่เสมอ
(2) การจัดการระบบคน  (การทำงานกลุ่ม)  โดยมีความสามารถในการคัดเลือกคนเข้าทำงานแบ่งปัน จัดสรรคนให้เหมาะสมกับงาน มีความสามารถในการสร้างบรรยากาศในการทำงานสามารถชักจูงเพื่อนร่วมงานให้มีเป้าหมายเดียวกัน ร่วมมือ ร่วมใจกันทำงานจนสำเร็จ รวมถึงการเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ มีความขยัน อดทน ซื่อสัตย์และยุติธรรม เพื่อให้เพื่อนร่วมงานเกิดความพอใจ และเสมอภาค ยินดีที่จะทำงานด้วยความเต็มใจ

2.ทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ ทักษะใดสำคัญที่สุด  เพราะอะไร
- ทักษะกระบวนการทำงาน เพราะหากมีทักษะการทำงานที่ดี จะทำให้งานเกิดความสำเร็จและสำเร็จในเวลาที่กำหนด

ทักษะการแสวงหาความรู้ (งานที่ 6)


1. ทักษะการแสวงหาความรู้
ทักษะการแสวงหาความรู้ คือ การค้นคว้าหาความรู้ และสามารถสร้างความรู้ใหม่เพิ่มเติมได้อาจจะมาจากการคิด การศึกษา การทดลอง การค้นคว้า หรือปฏิบัติด้วยตนเอง แล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อเกิดความรู้ใหม่ ซึ่งสัมพันธ์กับความรู้เดิมที่มีอยู่ โดยการศึกษาค้นคว้านั้น ไม่จำกัดว่าจะมาจากแหล่งความรู้ใด อาจเป็นความรู้ในห้องเรียน ความรู้ตามป้ายสถานที่ต่างๆไปจนถึงสื่ออื่นๆ
(1) กำหนดปัญหาในการสืบค้นข้อมูลความรู้ คือการตั้งหัวข้อประเด็นในการศึกษาค้นคว้า กำหนดขอบเขตของหัวข้อหรือประเด็นที่ต้องการจะค้นคว้า พยายามอธิบายและแสดงความคิดเห็นต่อหัวข้อที่ต้องการจะสืบค้นข้อมูลความรู้
(2) การวางแผนในการสืบค้นข้อมูลความรู้ เมื่อคิดหาหัวข้อหรือประเด็นที่เราต้องการจะสืบค้นได้แล้ว ควรวางแผน กำหนดเป้าหมายว่าจะสืบค้นข้อมูลความรู้จากที่ใด อย่างไร ควรเริ่มต้นเมื่อใดเป็นต้น
(3) การดำเนินการสืบค้นข้อมูลความรู้ตามแผนที่กำหนดไว้ คือ การดำเนินการสืบค้นข้อมูลความรู้ในหัวข้อที่ต้องการ ตามแผนงานที่วางไว้
(4) การวิเคราะห์ข้อมูลจากการสืบค้นความรู้ คือ การนำข้อมูลต่างๆ ที่ได้ค้นหา หรือ ได้รับมา มาพิจารณาอย่างละเอียดถึงองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของข้อมูล รวมไปถึงการจำแนกจัดกลุ่ม และจัดลำดับข้อมูล
(5) การสรุปผลจากการสืบค้นความรู้และบันทึกจัดเก็บ เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆได้ออกมาตามขอบเขตของหัวข้อที่กำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ควรบันทึกจัดเก็บข้อมูลที่รวบรวมมาได้ต่างๆในรูปแบบที่ง่ายต่อการค้นหา เช่น จัดเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ หรือสื่อบันทึกข้อมูลชนิดต่างๆ จดบันทึกไว้ในสมุด ถ่ายเอกสารเก็บไว้ในแฟ้ม เป็นต้น

2. เพราะเหตุใด จึงต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าของอาชีพที่ตนเองทำอยู่เสมอ 
- ศึกษาเพราะ นำมาพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าไปพร้อมกับอาชีพ หากทุกคนพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อนำประเทศก้าวเข้าสู่ความสำเร็จ  

ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา (งานที่ 5)


1. ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา
ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา จะช่วยให้เกิดความคิดในการหาทางออกได้ เมื่อพบปัญหาในเวลาหรือสถานการณ์การทำงานจริง โดยมีขั้นตอนดังนี้
(1) สังเกต นักเรียนควรฝึกตนเองให้เป็นคนช่างสังเกต สามารถศึกษาหรือรับรู้ข้อมูลมองเห็นและเข้าใจปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นได้
(2) วิเคราะห์ เมื่อทราบและเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ควรวิเคราะห์ว่าปัญหาที่มีมีมากน้อยเพียงใด ลำดับความสำคัญของปัญหา และวิเคราะห์สาเหตุของแต่ละปัญหาเพื่อสร้างทางเลือกให้กับทางออกของปัญหาได้อย่างเหมาะสม
(3) สร้างทางเลือก เมื่อวิเคราะห์เรียงลำดับปัญหาได้แล้ว ว่าควรแก้ปัญหาใดก่อน ปัญหาใดทีหลัง และเมื่อวิเคราะห์ทีละปัญหา หาสาเหตุของแต่ละปัญหาได้แล้ว ควรสร้างทางเลือกในการแก้ไขปัญหาซึ่งอาจจะมากมาย โดยการสร้างทางเลือกนั้น อาจจะมาจากการศึกษาค้นคว้าการทดลอง การตรวจสอบ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการแก้ปัญหา
(4) ประเมินทางเลือก ทางเลือกต่างๆที่สร้างขึ้นมาจากการศึกษาค้นคว้าหรือการตรวจสอบต่างๆ ควรพิจารณาดูให้ละเอียดว่าทางเลือกใดที่เหมาะสมกับการแก้ปัญหาที่สุด และจะมีผลกระทบน้อยที่สุด สามารถรับมือกับปัญหาได้เร็วที่สุด และดีที่สุดกับทุกฝ่าย จึงประเมินทางเลือกนั้น โดยวางแผนและบันทึกกระบวนการปฏิบัติงาน ในรูปแบบรายงานและนำทางเลือกนั้นมาตรวจสอบความถูกต้อง

2. ถ้านักเรียนมีความขัดแย้งทางความคิดกับเพื่อนร่วมงาน จะมีแนวทางแก้ปัญหาอย่างไรจงอธิบาย  ว่าทักษะการแก้ปัญหามีความสำคัญในการทำงานอย่างไร
- คิดหาสาเหตุการเกิดปัญหา แล้วนำมาคิดหาทางออกจากความคิดของหลายๆคน อาจสร้างทางเลือก แล้วใช้หลักประชาธิปไตยในการเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดและส่วนมากยอมรับ  
- ทักษะในการแก้ปัญหาทำให้ความขัดแย้งมีทางออกโดยไม่ใช้ความรุนแรง




ทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ (งานที่4)


1.   ทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ
    ทักษะเป็นความชำนาญหรือเชี่ยวชาญที่เกิดจากการหมั่นฝึกฝนสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสามารถทำสิ่งนั้นได้อย่างคล่องแคล่ว และเกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด ซึ่งทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพทุกอาชีพ มีดังนี้
 ทักษะกระบวนการทำงาน
  ทักษะกระบวนการทำงาน หมายถึง การลงมือทำงานต่างๆ ด้วยตนเอง โดยมุ่งเน้นการฝึกฝนวิธีการทำงานกลุ่มร่วมกับผู้อื่น  เพื่อให้ทำงานได้สำเร็จ และบรรลุจามเป้าหมาย โดยมีขั้นตอนต่างๆดังนี้
  (1) การวิเคราะห์งาน  เป็นการมองภาพรวมของงานเมื่อได้รับมอบหมาย ว่าเป้าหมายของงานคืออะไร ผลลัพธ์ของงานที่จำคืออะไร และจะทำอย่างไรเพื่อให้งานนั้นบรรลุเป้าหมายและได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
(2) การวางแผนในการทำงาน เป็นการกำหนดเป้าหมายของงาน ระยะเวลาดำเนินงานกำลังคนที่ใช้ในการทำงาน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน วัสดุอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินงานและวิธีดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และได้ผลลัพธ์ตามต้องการ โดยประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน และประหยัดค่าใช้จ่ายไปพร้อมกัน
(3) การลงมือทำงาน  เป็นการลงมือทำงานตามแผนที่วางไว้ ด้วยความมุ่งมั่นอดทนและรับผิดชอบต่องานที่ได้รับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จ ซึ่งหากพบปัญหาหรืออุปสรรคก็ควรคิดว่าเป็นสิ่งท้าทายที่เราควรแก้ไขให้ลุล่วงไปได้ และถือว่าการที่สามารถแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรคนี้ได้ เป็นประสบการณ์อันมีค่า และจะมีประโยชน์ต่อตนเองในอนาคต
(4) การประเมินผลการทำงาน เป็นการตรวจสอบ ทดสอบหรือทดลองใช้ตั้งแต่การวางแผนการทำงานว่ารอบคอบ รัดกุม ครอบคลุม และสามารถปฏิบัติตามได้หรือไม่ รวมถึงประเมินผลการทำงานว่าเกิดอุปสรรคหรือปัญหาใดหรือไม่และจะแก้ไขอย่างไร ตลอดจนประเมินผลงานที่ทำสำเร็จ แล้วว่ามีคุณภาพตามเป้าหมายที่ได้วางไว้หรือไม่ ใช้เวลา ค่าใช้จ่าย และแรงงานเหมาะสมหรือไม่อย่างไร เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงแก้ไขแผนงาน การทำงาน และผลงานให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
2.ถ้านักเรียนทำงานที่ชอบ เช่นเป็นช่างซ่อมรถจักรยานยนต์นักเรียนจะวางแผนการทำงานอย่างไร
1.สังเกตหรือหาปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์
2.เตรียมอุปกรณ์ในการซ่อม
3. ลงมือซ่อมส่วนที่เสียหายของจักรยานยนต์
4. ทดลองหลังจากการซ่อม เช่น การลองขับในระยะสั้น


คุณสมบัติที่จำเป็นต่อการเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพ (งานที่3)


คุณสมบัติที่จำเป็นต่อการเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพ
คุณสมบัติพื้นฐานที่จำเป็นต่อการเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพที่ต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ดังนี้
1. จบการศึกษาตามที่ระบุไว้ในประกาศรับสมัครงาน หรือสอดคล้องกับอาชีพที่สนใจ
โดยหากต้องการทำงานในสาขาอาชีพใดในอนาคตควรวางแผนการศึกษาและการศึกษาเพิ่มเติมที่นอกเหนือหลักสูตรในการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับอาชีพที่สนใจ และมุ่งมั่นศึกษาเล่าเรียนให้ประสบผลสำเร็จ
2. มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ทุกคนที่ทำงานร่วมกันในองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆย่อมต้องการความสบายใจในการทำงานร่วมกับคนหมู่มาก พบแต่บรรยากาศที่อบอุ่น เป็นกันเอง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และยิ้มแย้มแจ่มใส โดยปราศจากความขัดแย้งต่างๆ ซึ่งการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีนั้นจะช่วยสร้างสิ่งเหล่านี้ได้และก่อให้เกิดความร่วมมือในการทำงานเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
3. มีความเป็นผู้นำ โดยความเป็นผู้นำความเป็นผู้นำนั้นคือการมีลักษณะของการกล้าคิด กล้าแสดงความคิดเห็น กล้าตัดสินใจ และกล้าทำงานบนพื้นฐานของความถูกต้อง ยุติธรรม มีคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งความเป็นผู้นำนี้จะนำพาองค์กรหรือหน่วยงานก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงได้
4. มีความรับผิดชอบ ความรับผิดชอบเป็นสามัญสำนึกที่ผู้ทำงานทุกคนต้องมีโดยเอาใจใส่ต่องานที่ได้รับมอบหมาย ไม่ละทิ้งงาน และมุ่งมั่นทำงานจนสำเร็จ
5. มีความขยัน ความขยันจะช่วยสร้างความกระตือรือร้นให้แก่ตัวเอง และเพื่อนร่วมงานเป็นแรงขับเคลื่อนที่มีส่วนสำคัญในการทำให้งานเสร็จเร็ว ทันเวลา หรือเสร็จก่อนกำหนด
6. มีความซื่อสัตย์ โดยผู้ทำงานต้องมีความซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ไม่พูดจาโกหกหลอกลวง หรือกรอกข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงลงในใบสมัครงาน หรือสร้างเอกสารปลอม เช่น บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ใบรับรองการศึกษา ปริญญาบัตร เป็นต้น
7. มีความอดทน โดยมีความตั้งใจ มุ่งมั่นในการสมัครงาน การทำงาน จนกว่าจะประสบความสำเร็จ ไม่ย่อท้อต่อความลำบาก ความเหน็ดเหนื่อยต่อปัญหาและอุปสรรคต่างๆ
8. มีสุขภาพแข็งแรง โดยหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และความเหนื่อยล้าจากการทำงาน
9. ทำงานใต้แรงกดดันได้ดี ด้วยการวางแผนในการทำงานอย่างเป็นระเบียบ มีสติ มีสมาธิในการทำงานและมองโลกในแง่ดี เช่น ทำใจให้สนุกกับการทำงาน ในเวลาเร่งด่วนหรือมีระยะเวลาจำกัด เพ่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้โดยไม่ชะงักกลางคัน ตลอกจนลดความเสียหายของงานช่วยประหยัดเวลา ประหยัดพลังงาน และประหยัดค่าใช้จ่ายได้
10.มีความสามารถทางภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยศึกษาเพิ่มเติมในสถาบันที่เปิดสอนภาษาต่างๆ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการทำงานร่วมกับคนในองค์กร หน่วยงาน หรือผู้มาติดต่อธุรกิจการงานที่เป็นชาวต่างประเทศ ซึ่งความสามารถด้านนี้มีส่วนสำคัญในการโน้มน้าวให้ผู้ว่าจ้างรับเข้าทำงาน ตั้งแต่อ่านใบสมัคร
11. มีความสามารถด้านการใช้คอมพิวเตอร์ ในหลักสูตรการเรียนการสอนของสถานศึกษาอาจให้นักเรียนได้ฝึกใช้คอมพิวเตอร์ในระดับพื้นฐาน ซึ่งในการทำงานจริงจำเป็นต้องใช้ทักษะและความชำนาญมากกว่าที่ได้เรียนรู้ ดังนั้น นักเรียนควรศึกษาเพิ่มเติมกับสถาบันที่เปิดสอนการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เฉพาะทาง เช่น คอมพิวเตอร์เพื่อการออกแบบคอมพิวเตอร์ เพื่อการสร้างเว็บไซต์ เพื่อให้มีความสามารถเหนือกว่าผู้สมัครงานคนอื่นๆที่ต้องการสมัครงานตำแหน่งเดียวกับเรา




การเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพ (งานที่2)


การเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพ
        การเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพเป็นการเตรียมความพร้อมในด้านการหางานและพัฒนาตนให้มีคุณสมบัติที่จำเป็น เพื่อให้สมัครงานได้ตรงตามความสนใจและความถนัด
การหางาน
    การหางานให้ได้งานตามความต้องการ เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของจนเองมีแนวทางดังนี้
   1. สำรวจตนเอง เป็นการพิจารณาความสนใจความถนัด ความรู้ ความสามารถและทักษะความชำนาญของตนเองว่าเกี่ยวข้องกับอาชีพที่ต้องการทำงานหรือไม่ ถ้าขาดคุณสมบัติข้อใดก็ควรศึกษาเพิ่มเติมจากการอ่านหนังสือหรือบทความในเว็บไซต์ เรียนพิเศษเพิ่มเติมจากสถาบันที่เปิดสอน และหมั่นฝึกฝนด้วยตนเองเป็นประจำ เช่น ถ้าสนใจประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ก็ควรสำรวจตนเองว่ามีความสามารถใน ด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาใดบ้าง มีความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศมากน้อยเพียงใด หากพบว่าความสามารถในการฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษยังไม่ดีพอควรเรียนพิเศษจากสถาบันภาษาที่เปิดสอน
   2. สำรวจตลาดแรงงาน เป็นการพิจารณาความต้องการอาชีพใดๆ ก้ตามของตลาดแรงงานในช่วงเวลาที่ตนเองต้องการหาแรงงาน ซึ่งหากเป็นอาชีพที่ขาดแคลนคนทำงาน หรือต้องการคนทำงานด่วน ก็มีแนวโน้มที่จะได้งานทำมากกว่าอาชีพที่มีคนต้องการทำงานมากแต่รับสมัครคนทำงานน้อย
   3. หางานจากแหล่งงานต่างๆอย่างมืออาชีพ เป็นการหางานจากแหล่งที่มีงานจำนวนมากให้เลือกในหลายสาขาอาชีพ เช่น หนังสือพิมพ์สมัครงาน เว็บไซต์ของหน่วยงานบริษัทหรือองค์กรที่เปิดรับสมัครงานเอง สมัครงานกับหน่วยงาน บริษัทหรือองค์กรต่างๆที่ติดต่อขอรับสมัครพนักงานผ่านสถานศึกษาที่ตนเองศึกษาอยู่ หรือเดินเข้าไปสอบถามและกรอกใบสมัครทิ้งไว้กับหน่วยงาน บริษัท หรือ องค์กรที่เปิดรับสมัครงานโดยตรง

คำถามพัฒนากระบวนการคิด (งานที่1)


คำถามพัฒนากระบวนการคิด    หน้า 158  
1. การติดต่อสื่อสารมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างไร
- การติดต่อสื่อสารเป็นสิ่งที่สำคัญมากในชีวิตประจำวัน  มนุษย์เราใช้การติดต่อสื่อสารในการแลกเปลี่ยนข้อมูล การเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ซึ่งการสื่อสารในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ

2. การติดต่อสื่อสารรูปแบบใดที่นักเรียนได้ใช้งานมากที่สุด เพราะอะไร
- การใช้บริการอินเทอร์เน็ต เพราะสามารถส่งข้อมูลได้รวดเร็วและสะดวก โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ราคาสูง

3. ถ้านักเรียนเรียนอยู่ต่างประเทศ และต้องการติดต่อกับผู้ปกครองที่อยู่ประเทศไทยจะใช้การติดต่อสื่อสารรูปแบบใด
- ใช้การติดต่อสื่อสารทางอินเทอร์เน็ต

4. ”การสื่อสารไร้พรมแดนมีประโยชน์และโทษอย่างไร
- ประโยชน์คือสามารถติดต่อสื่อสารได้ ไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ใดที่มีสัญญาณการสื่อสาร สะดวกและรวดเร็ว
- โทษคือหากนำเทคโนโลยีที่มีไปใช้อย่างผิดวิธี สามารถทำให้เกิดโทษที่ตามมา

5. การติดต่อสื่อสารมีประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลอย่างไร
-  ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ในกรณีที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินสามารถช่วยเหลือได้ทัน
6. การใช้บริการกับหน่วยงานต่างๆรูปแบบใดที่ประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุด เพราะอะไร
- การใช้บริการอินเทอร์เน็ต เพราะไม่ต้องเสียค่าเดินทางไปสำนักงานหรือหน่วยงานต่างๆ

7. นักเรียนควรปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อแสดงถึงการมีมารยาทในการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในห้องประชุม
- การปิดเสียงโทรศัพท์ หรือการปิดรับสัญญาณการเชื่อมต่อของสัญญาณโทรศัพท์
- ไม่รับสาย หากไม่ได้มีเหตุการณ์จำเป็น
- หากต้องรับสายโทรศัพท์ ควรขออนุญาตไปคุยทางด้านนอกห้องประชุม

8. ถ้าต้องการส่งเอกสารสำคัญจากกรุงเทพฯ ไปถึงอุบลราชธานีให้เร็วที่สุดควรใช้บริการไปรษณีย์รูปแบบใด
- ใช้บริการไปรษณีย์รูปแบบไปรษณียภัณฑ์ด่วนพิเศษ Express Mail Service ( EMS )
คือ ดำเนินการต่อสิ่งต่าง ๆ ที่ส่งทางไปรษณีย์ด้วย ความรวดเร็ว และแน่นอน โดยมีระบบพิเศษเป็นเอกเทศจากระบบงานไปรษณีย์ปกติ และถ้าหากสิ่งของถึงมือผู้รับล่าช้ากว่ามาตรฐานการนำจ่ายที่กำหนด หรือมีการเสียหายหรือสูญหายเกิดขึ้นเพราะความผิดพลาดของการไปรษณีย์ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะชดใช้ค่าเสียหายให้ อัตราค่าบริการของไปรษณียภัณฑ์ด่วนพิเศษ (EMS) จะเริ่มต้นที่ราคา 37 บาท ต่อน้ำหนักไม่เกิน 100 กรัม ช่วงระยะเวลาในการรับ-ส่งจะอยู่ที่ไม่เกิน 2 ถึง 3 วันจากต้นทางและสามารถตรวจสอบสถานะของจดหมายได้ในระบบอินเตอร์เน็ตภายในเว็บไซต์ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด 

9. การสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ทางอินเทอร์เน็ตมีข้อควรระวังอย่างไร
1)ควรตรวจสอบราคาหลาย ๆ ที่ เพื่อให้ได้ของที่มีเสียค่าใช้จ่ายน้อยและดีที่สุด (อาจจะตรวจสอบจากค้นดูราคาสินค้าประเภทเดียวกัน ในเว็บก่อนการซื้อ) 

2)อย่าเห็นแก่ราคาสินค้าที่ถูกจนเกินไป จนรีบตัดสินใจ หากมีผู้ที่แจ้งขายสินค้า ที่ราคาถูกมากเป็นพิเศษ และพยายามเร่งรัดการซื้อ - ขาย กรุณาเพิ่มความระมัดระวัง ในการซื้อ - ขายมากขึ้น

3)ควรเก็บหลักฐานในการซื้อขายไว้และตรวจสอบที่มาของผู้ที่ต้องการจะขาย เช่น สำเนาบัตรประชาชน สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จ ไว้เพื่อใช้ในการติดตาม และตรวจสอบ ในกรณีที่ สินค้ามีปัญหา ในภายหลัง เพราะชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์ ที่ให้ไว้ ในตอนแรก อาจมีการเปลี่ยนแปลง ในภายหลัง หรืออาจจะมีการโทรเช็ค 13 ว่าบ้านเลขที่ที่ส่งมาตรงกันหรือไม่ 

4)ควรนัดพบผู้ขาย เพื่อรับของโดยตรง ไม่ควรโอนเงิน ให้ผู้ขายก่อน เพราะได้มีกรณี ที่ผู้ซื้อ โอนเงินไปแล้ว ไม่ได้รับของ หรือได้รับของ ที่ไม่ได้สั่ง และทางธนาคาร ไม่สามารถ อายัดเงิน ให้ท่านได้ แต่หากจำเป็นจริงๆ ท่านสามารถ ใช้บริการ ส่งมอบสินค้าผ่านช่องทางต่างๆ ได้ 

5)กรณีที่ถูกหลอกลวง ท่านสามารถ แจ้งความ กับทางตำรวจ ได้ทันที โดยแจ้งสน. พื้นที่ ที่ท่าน ทำการโอนเงิน โดยอาศัย หลักฐานต่างๆ ที่ท่านได้เก็บไว้

10. เพราะเหตุใดในปัจจุบันจึงยังมีผู้ใช้จดหมายในการติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ
- เพราะเอกสารที่ส่ง อาจเป็นเอกสารที่สำคัญหรือไม่สามารถเผยแพร่ให้กับประชาชนทั่วไปได้รับรู้